โลกยุคประวัติศาสตร์

การลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์โลกตั้งแต่เริ่มต้นยุคประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน เป็นการศึกษาเรื่องราวที่สำคัญในแต่ละยุคสมัยซึ่งส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม และเทคโนโลยีของมนุษยชาติ โดยสามารถแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ ได้ดังนี้

ยุคโบราณ (ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 476)

ยุคโบราณเป็นช่วงแรกของประวัติศาสตร์โลกที่มีการพัฒนาความรู้และอารยธรรมอย่างต่อเนื่อง นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่ส่งอิทธิพลต่อมนุษยชาติ

  • อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (ปัจจุบันคืออิรักและอิหร่าน): เป็นอารยธรรมแรกที่พัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีการพัฒนาระบบการเขียนคูนิฟอร์ม (Cuneiform) ซึ่งเป็นตัวอักษรรูปสัญลักษณ์บนดินเหนียว และเป็นรากฐานของภาษาต่างๆ ต่อมา นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์วงล้อ ระบบปฏิทิน และการเกษตรที่เป็นระบบ เมืองสำคัญได้แก่ซูเมอร์ บาบิโลน และแอชชูเรีย
  • อารยธรรมอียิปต์ (แม่น้ำไนล์): มีการพัฒนาศิลปะและสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง เช่น ปิรามิดและมัมมี่ ฟาโรห์หรือผู้ปกครองอียิปต์มีอำนาจเป็นทั้งกษัตริย์และเทพเจ้า มีการใช้ระบบอักษรเฮียโรกลิฟฟิค (Hieroglyphics) และสร้างเมืองใหญ่ริมแม่น้ำไนล์ซึ่งอุดมสมบูรณ์ เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมอียิปต์มีอิทธิพลยาวนานคือการสืบทอดอำนาจและศาสนาเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย
  • อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (อินเดีย): อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุมีความเจริญรุ่งเรืองในด้านการจัดผังเมือง มีระบบการวางท่อระบายน้ำที่ซับซ้อน เช่น เมืองโมเฮนโจดาโรและฮารัปปา นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการค้าและการแลกเปลี่ยนสินค้ากับดินแดนอื่น ความรู้ด้านคณิตศาสตร์และศิลปะในยุคนี้ส่งอิทธิพลต่ออินเดียยุคต่อมา
  • อารยธรรมจีนโบราณ: อารยธรรมจีนเริ่มต้นที่ลุ่มแม่น้ำเหลือง ในช่วงราชวงศ์โจวมีการพัฒนาระบบการปกครอง ศาสนา และแนวคิดปรัชญา โดยเฉพาะลัทธิขงจื๊อและเต๋าที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาทางวัฒนธรรมและสังคมจีนมาอย่างยาวนาน จีนยังเป็นต้นกำเนิดของกระดาษ ดินปืน เข็มทิศ และการพิมพ์
  • อารยธรรมกรีกและโรมัน: กรีกมีความก้าวหน้าทางปรัชญาและศิลปะที่ทรงอิทธิพลต่อตะวันตก ผู้คิดค้นหลักการปรัชญาที่สำคัญได้แก่ โสเครติส เพลโต และอริสโตเติล ขณะที่โรมันสืบทอดอารยธรรมจากกรีกและพัฒนากฎหมาย ระบบการปกครอง การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสะพาน ซึ่งกลายเป็นต้นแบบให้กับการพัฒนาในยุคต่อมา จักรวรรดิโรมันตะวันตกสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 476 และนำเข้าสู่ยุคกลาง

ยุคกลาง (ค.ศ. 476 – ค.ศ. 1453)

ยุคกลางเป็นยุคที่ศาสนาและความเชื่อมีอิทธิพลต่อชีวิตและการปกครองของผู้คนในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออก

  • ยุคมืดของยุโรป (Dark Ages): หลังการล่มสลายของโรมันตะวันตก ยุโรปตกอยู่ในความวุ่นวายและการขาดเสถียรภาพทางการเมือง ศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการนำความสงบสุขกลับมา แต่เป็นช่วงที่มีความเสื่อมถอยในด้านศิลปะและวิทยาการ
  • ราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์ถังในจีน: ราชวงศ์ฮั่นและถังเป็นยุครุ่งเรืองของจีน ราชวงศ์ฮั่นส่งเสริมการค้าผ่านเส้นทางสายไหมซึ่งเชื่อมต่อจีนกับตะวันออกกลางและยุโรป ในราชวงศ์ถัง การพัฒนาในด้านศิลปะ วรรณคดี และการค้าก้าวหน้าอย่างมาก
  • ยุคคุปตะในอินเดีย: ราชวงศ์คุปตะเป็นยุคทองของอินเดีย มีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม เช่น การพัฒนาทฤษฎีศูนย์ (0) และทศนิยมโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอินเดีย นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าทางดาราศาสตร์และการแพทย์
  • สงครามครูเสด (Crusades): สงครามครูเสดเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพคริสเตียนและมุสลิมเพื่อแย่งชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเยรูซาเล็ม การสู้รบครั้งนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกกลาง และเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและวิทยาการในยุโรป

ยุคสมัยใหม่ตอนต้น (ค.ศ. 1600 – ค.ศ. 1800)

ยุคนี้เป็นช่วงเวลาของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุโรป

  • การปฏิวัติวิทยาศาสตร์: การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ เช่น กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและทฤษฎีดาราศาสตร์ของโคเปอร์นิคัสเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของมนุษย์ต่อธรรมชาติและจักรวาลไปอย่างสิ้นเชิง
  • จักรวรรดิโมกุลในอินเดีย: จักรวรรดิโมกุลมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรมอินเดีย เช่น การสร้างทัชมาฮาล จักรวรรดิโมกุลยังเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลและการค้าระหว่างอินเดียกับประเทศต่าง ๆ
  • ราชวงศ์ชิงในจีน: จีนภายใต้ราชวงศ์ชิงมีความเจริญรุ่งเรืองในหลายด้าน แต่เริ่มเผชิญกับความขัดแย้งกับชาติตะวันตกในช่วงปลายซึ่งนำไปสู่การสูญเสียอำนาจและดินแดนในช่วงต่อมา

ยุคสมัยใหม่ตอนปลาย (ค.ศ. 1800 – ค.ศ. 1945)

ยุคนี้เป็นช่วงของการปฏิวัติอุตสาหกรรม การล่าอาณานิคม และสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง

  • การปฏิวัติอุตสาหกรรม: การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มขึ้นในอังกฤษ มีการใช้เครื่องจักรและระบบการผลิตในโรงงาน การผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เมืองและระบบเศรษฐกิจเติบโต
  • ยุคล่าอาณานิคมในเอเชีย: อังกฤษครอบครองอินเดียเป็นอาณานิคม ในขณะที่จีนเผชิญกับสงครามฝิ่นและถูกบังคับให้ยอมให้ต่างชาติมีสิทธิพิเศษในการค้าขาย
  • สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง: สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 1914-1918) และสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1939-1945) นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจและการพัฒนาทางเทคโนโลยี และเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ของโลกไปอย่างสิ้นเชิง

ยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 1945 – ปัจจุบัน)

ยุคนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและสังคมระดับโลก

  • สงครามเย็น: สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตกลายเป็นสองขั้วอำนาจหลักที่มีอิทธิพลต่อประเทศต่างๆ สงครามเย็นสิ้นสุดในปี ค.ศ. 1991 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย
  • การปฏิวัติจีนและการพัฒนาของสาธารณรัฐประชาชนจีน: หลังการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. 1949 จีนเปลี่ยนเป็นสังคมนิยมและพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจที่สำคัญในปัจจุบัน
  • ยุคดิจิทัลและความเชื่อมโยงโลก: เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคม และการสื่อสารทั่วโลก เศรษฐกิจโลกมีการพัฒนาด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากขึ้น

ประวัติศาสตร์โลกแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของมนุษยชาติจากยุคโบราณสู่ปัจจุบัน

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top