ประวัติศาสตร์เมโสโปเตเมีย

ประวัติศาสตร์ของเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ถือเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของมนุษยชาติ โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริส (Tigris) และยูเฟรทีส (Euphrates) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในภูมิภาคที่ปัจจุบันคือประเทศอิรักและบางส่วนของซีเรีย เมโสโปเตเมียมีความสำคัญในฐานะอารยธรรมแรกที่มีการจดบันทึกข้อมูล พัฒนาการด้านศาสนา กฎหมาย การปกครอง และวิทยาการต่าง ๆ ในบทความนี้จะพาคุณสำรวจลำดับประวัติศาสตร์และการพัฒนาในภูมิภาคนี้

สมัยสุเมเรียน (Sumerian Period) (ประมาณ 3500 – 2334 ปีก่อนคริสตกาล)

อารยธรรมแรกในเมโสโปเตเมียคืออารยธรรมสุเมเรียน ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของหลายสิ่งที่ยังส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ สุเมเรียนเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรรูปลิ่มที่เรียกว่า “คูนิฟอร์ม” (Cuneiform) เพื่อใช้ในการบันทึกเรื่องราวและกฎหมาย นอกจากนี้พวกเขายังพัฒนาการจัดการบริหาร และสร้างสิ่งปลูกสร้างสำคัญ เช่น ซิกกูแรต (Ziggurat) หรือวิหารสูงเพื่อบูชาเทพเจ้าในศาสนาโบราณของพวกเขา เมืองสำคัญในช่วงนี้ได้แก่เออร์ (Ur), เออริดู (Eridu) และอูรุค (Uruk)

สมัยอัคคาเดียน (Akkadian Period) (ประมาณ 2334 – 2154 ปีก่อนคริสตกาล)

จักรวรรดิอัคคาเดียน (Akkadian Empire) เป็นอาณาจักรแรกในโลกที่รวมดินแดนต่าง ๆ ภายใต้การปกครองเดียว โดยกษัตริย์ซาร์กอนแห่งอัคคาด (Sargon of Akkad) เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรนี้ ความสำเร็จของจักรวรรดิอัคคาเดียนอยู่ที่การขยายอำนาจไปทั่วทั้งเมโสโปเตเมีย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการทหาร แต่จักรวรรดิอัคคาเดียนสิ้นสุดลงเนื่องจากการรุกรานของกลุ่มต่าง ๆ และภัยแล้งที่รุนแรง

สมัยบาบิโลเนียนโบราณ (Old Babylonian Period) (ประมาณ 2000 – 1595 ปีก่อนคริสตกาล)

หลังการล่มสลายของจักรวรรดิอัคคาเดียน เมโสโปเตเมียได้เข้าสู่ยุคของบาบิโลเนีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากการปกครองของกษัตริย์ฮัมมูราบี (Hammurabi) ผู้รวบรวม “ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี” ซึ่งถือเป็นประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดฉบับหนึ่ง กฎหมายเหล่านี้เน้นความยุติธรรมและการคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของประชาชน ทำให้บาบิโลเนียเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่เคารพนับถือ

สมัยอัสซีเรียน (Assyrian Period) (ประมาณ 1365 – 609 ปีก่อนคริสตกาล)

จักรวรรดิอัสซีเรียน (Assyrian Empire) กลายเป็นมหาอำนาจที่สำคัญและขยายอำนาจไปยังดินแดนต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง อัสซีเรียนมีความเชี่ยวชาญด้านการทหารและเทคโนโลยีการสงคราม พวกเขายังพัฒนาโครงสร้างการปกครองที่ซับซ้อนและมีการใช้ทาสเป็นแรงงานหลัก เมืองหลวงของจักรวรรดิอัสซีเรียนคือนิเนเวห์ (Nineveh) ซึ่งเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมและห้องสมุดอัสซีเรียนที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น

สมัยบาบิโลเนียนใหม่ (Neo-Babylonian Period) (ประมาณ 626 – 539 ปีก่อนคริสตกาล)

ยุคนี้เป็นที่รู้จักจากการปกครองของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar II) ซึ่งเป็นผู้สร้าง “สวนลอยแห่งบาบิโลน” (Hanging Gardens of Babylon) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ ยุคบาบิโลเนียนใหม่นี้ถือเป็นยุคทองของวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมบาบิโลน แต่สุดท้ายถูกพิชิตโดยจักรวรรดิเปอร์เซียของกษัตริย์ไซรัสมหาราชในปี 539 ปีก่อนคริสตกาล

การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซียและการสิ้นสุดของเมโสโปเตเมีย (ประมาณ 539 ปีก่อนคริสตกาลเป็นต้นมา)

หลังจากการเข้ามาของเปอร์เซีย เมโสโปเตเมียยังคงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและการค้าสำคัญ โดยได้รับอิทธิพลจากศาสนาและวัฒนธรรมของเปอร์เซีย แต่เมื่อจักรวรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) มาพิชิตเมโสโปเตเมียในปี 331 ปีก่อนคริสตกาล ภูมิภาคนี้ก็เริ่มผสมผสานวัฒนธรรมกรีก-เปอร์เซียในรูปแบบที่เรียกว่า “วัฒนธรรมเฮลเลนิสติก” และเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดอารยธรรมเมโสโปเตเมียในฐานะศูนย์กลางแห่งอำนาจ

อารยธรรมเมโสโปเตเมียมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลายสิ่งที่ส่งผลต่อโลกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึกประวัติศาสตร์ การพัฒนากฎหมาย ศาสนา และสถาปัตยกรรม ซึ่งล้วนเป็นมรดกที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top